http://www.tees-shirt.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

หน้าแรก

 ติดต่อเรา

ขั้นตอนการสั่งผลิต

ตัวอย่างเสื้อโฆษณา

รายละเอียดเสื้อ

Myblog

 วิธีการชำระ

สถิติ

เปิดเว็บ20/04/2009
อัพเดท11/10/2018
ผู้เข้าชม1,694,146
เปิดเพจ2,760,091
สินค้าทั้งหมด106

สินค้า

สินค้ามาใหม่
สินค้าขายดี
 เสื้อยืดเปล่าสีพื้น
 ผ้ายืดขายส่ง

เสื้อยืดสกรีนลายเท่ๆ

เสื้อยืดสกรีนโฆษณา

ชื้อขายและเช่า คอนโด บ้าน ร้านค้า

บริการลูกค้า

เกี่ยวกับโรงงานเสื้อยืด และ สกรีนเสื้อยืด

ความรู้เกี่ยวกับเสื้อ

พี่สาวฮุนได กับ น้องชายซัมซุง น่ารักน่าประทับใจ

พี่สาว "ฮุนได" กับ "น้องชาย" ซัมซุง ชีวิตจริงของ 2 ผู้บริหาร บริษัทยักษ์ใหญ่ในเกาหลี

เรื่องความรักของพี่กับน้องนี่เป็นเรื่องที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้รับฟังเสมอนะคะ เพราะมันเป็นความรัก ความห่วงใย ที่บริสุทธิ์
จริงใจและมั่นคง พอๆกับ ความรักของ พ่อและแม่ ที่มีให้ลูกๆ วันนี้พี่นานมีบุ๊คส์ก็นำบทความที่ น้องaomkrung สมาชิกเว็บไซต์นานมีบุ๊คส์ ของเรานำมาโพสต์เอาไว้น่าสนใจมากเลย ลองอ่านกันดูนะคะ

ตอนที่ 1


ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน 

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ 

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี 

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ 

ของฉันมีกัน 

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง 

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง 

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน 

"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด 

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน 

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า 

"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" 

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น 

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า 

"ผมขโมยเองครับ" 

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง 

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด 

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย 

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ 

และด่าว่าน้องชายของฉัน 

" ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก 

แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย" 

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ 

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด 

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย 

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก 

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า 

" พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว" 

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ 

หลายปีผ่านไป 

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง 

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย 

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี... 

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น 

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน 

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย 

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน 

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้านฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า 

" ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ" 

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า 

"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" 

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า 

" ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว" 

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ 

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนนพ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" 

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน 

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ 

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า 

" ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นน
ี้ไปได้"แต่ในขณะเดียวกัน 

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ 

ใครจะรู้ได้ .......วันต่อมาในตอนเช้ามืด 

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้นและ
ถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว 

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน 

ขณะฉันกำลังหลับ" พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....ผม
จะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"ฉันนั่งอยู่บนเตียงอ่านข้อความ 
ของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปตอนนั้น
น้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน 

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น 

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3 

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก 

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า 

"มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ" 

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ??? 

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ 

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง 

...ฉันถามเขาว่า 

"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ" 

ตอนที่ 2


น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า 

"ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี" 

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง 

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ 

" พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง 

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม" 

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง 

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน 

แล้วพูดว่า 

"ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง" 

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็น
เวลานานตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี . 

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก 

ฉันสังเกตเห็นว่า 

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้วเมื่อเข้าไป
ในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก 

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า 

"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจกเพียง
เพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า 

" แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก 

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน 

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ 

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ" 

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา 

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ 

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" 

ฉันถาม 

"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ 

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด 

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ 

และ..." 

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด 

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา 

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง 

"เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ" 

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี... 

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง 

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน... 

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ 

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง 

แต่เมื่อออกไปแล้ว 

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี 

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม 

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ... 

เขาบอกกับฉันว่า 

"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง" 

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว 

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท 

... 

แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ 

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา 

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล 

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด 

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล 

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล 

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา 

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า 

" ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! 

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้ 

ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง" 

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด 

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา 

"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน 

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ 

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด" 

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

ตอนที่ 3

ฉันบอกกับน้องว่า 

"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..." 

"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" 

น้อง ชายของฉันจับมือฉันไวhตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปีเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกันในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า" ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้" 

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ..... 

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง 

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. 

เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน 

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง 

พี่ สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่งและเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียว เดินเป็นระยะทางไกลเมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาวเธอไม่ สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้นผมสาบานกับตัวเอง 

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี 

และจะทำดีกับเธอ" 

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว 

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน 

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ....... 

"ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ" 

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ 

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง... 

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ 

วันในชีวิตของคุณและเขา 

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ 

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง 

.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือพ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน 

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม 

จบบริบูรณ์.... 

ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท 

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า 

"ซัมซุง"และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์

CR http://www.nanmeebooks.com

Tags : เสื้อยืดขายส่ง

view

บริการ

หน้าแรก
กระเป๋าขายส่ง
แผนที่ร้าน
รายละเอียดเสื้อ
โรงงานเสื้อยืด
โปรแกรมแยกสี
view